วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2567

มงคลที่ ๑๗ สงเคราะห์ญาติ

มงคลที่ ๑๗ สงเคราะห์ญาติ

ญาติ คือ ใคร ?
     ญาติ แปลว่า คนคุ้นเคย คนใกล้ชิด หมายถึง บุคคลที่คุ้นเคยและวางใจกันได้ มี ๒ ประเภท ได้แก่
๑.ญาติทางโลก แบ่งได้เป็น ๒ พวก คือ
     -ญาติโดยสายโลหิต เช่น ทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง หลาน เหลน ฯลฯ (สำหรับพ่อแม่ ลูก ภรรยา สามี ถือว่าเป็นคนใกล้ชิดเรามากที่สุด ขอให้ยกไว้ต่างหาก เพราะเรามีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านี้ต่างกันออกไป และมีรายละเอียดอยู่ในมงคลที่ ๑๑,๑๒,๑๓ แล้ว)
     -ญาติโดยความใกล้ชิดคุ้นเคย เช่น เป็นเพื่อนสนิทสนมกับเราโดยตรง หรือสนิทสนมกับญาติทางสายโลหิตของเรา
๒.ญาติทางธรรม หมายถึง ผู้เป็นญาติเพราะเหตุ ๔ ประการ คือ
     -เป็นญาติเพราะบวชให้เป็นภิกษุ
     -เป็นญาติเพราะบวชให้เป็นสามเณร
     -เป็นญาติเพราะให้นิสสัย (พิธีกรรมของสงฆ์ที่พระอุปัชฌาย์ให้แก่ศิษย์)
     -เป็นญาติเพราะสอนธรรมะให้

วิธีร่อนหาญาติแท้ๆ
     คนรู้จักกันที่เรียกว่าญาตินั้น ไม่ใช่เพียงรู้จักตัว ไม่ใช่เพียงรู้จักว่า เวลานี้เขาจะช่วยอะไรเราบ้าง แต่จะต้องมีใจผูกพันกับผู้ที่ตนถือว่าเป็นญาติเสมอ แม้แยกย้ายกันไป ก็อยากรู้ข่าวคราวว่าผู้นั้นทุกข์หรือสุข หากเดือดร้อนก็พร้อมจะช่วยสงเคราะห์ อย่างนี้เรียกว่าญาติ ญาติที่แท้ต้องมีใจผูกพันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้ารู้จักกันเพียงผิวเผินจากไปแล้วก็แล้วกันไป อย่างนี้ไม่นับเป็นญาติ ยิ่งถ้าคนรู้จักมักคุ้นกัน นั้นดีกับเราเฉพาะยามเราเจริญ คำก็พี่สองคำก็น้อง แต่พอเราเพลี่ยงพล้ำลง ชักหันมาเล่นแง่ จะแล่เอาเนื้อจะเถือเอาหนัง คนอย่างนี้ไม่ใช่ญาติแน่นอน  วิธีพิจารณาว่าใครเป็นญาติดูได้ง่ายๆ คือ ใครก็ตามที่เมื่อ รู้ว่าเราเจ็บป่วยก็มาเยี่ยมเยือน แม้ยามที่เราปราศจากลาภ ยศ ตำแหน่งหน้าที่การงานอันมีเกียรติ ก็ยังปฏิบัติตนเสมอต้นเสมอปลายต่อเรา หรือถ้าเราตายก็พร้อมจะไปเผาศพเรา นั่นแหละจึงนับว่าเป็นญาติ

ลักษณะญาติที่ควรสงเคราะห์
๑.เป็นคนที่พยายามช่วยเหลือตนเองก่อนแล้วอย่างเต็มที่  ไม่ใช่เอะอะ มีอะไรก็วิ่งมาหาท่าเดียว งอมืองอเท้า ไม่ยอมช่วยตนเอง
๒.รู้จักทำตัวให้น่าช่วย มีความประพฤติดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข มีสัมมาคารวะ  มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  มีน้ำใจโอบอ้อมอารี

เวลาที่ควรสงเคราะห์ญาติ
๑.เมื่อยากจนหาที่พึ่งไม่ได้
๒.เมื่อขาดทุนทรัพย์ค้าขาย
๓.เมื่อขาดยานพาหนะ
๔.เมื่อขาดอุปกรณ์ทำกิน
๕.เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย
๖.เมื่อคราวมีธุระการงาน
๗.เมื่อคราวถูกใส่ความ มีคดี
     เรื่องการสงเคราะห์ญาติ จะว่าง่ายก็เหมือนยาก ครั้นจะว่ายากก็เหมือนง่าย คนทิ้งญาติพี่น้องจนตัวเองเสียผู้เสียคนไปก็มี คนที่สังเคราะห์ญาติพี่น้องจนตัวเองแทบตายทั้งเป็นก็มาก  เรื่องนี้จึงต้องมีขอบเขต  มีวิธีการที่เหมาะสม  ไม่ใช่ว่าใครทำอะไรให้ญาติแล้วจะดีเสมอไป

วิธีสงเคราะห์ญาติทางโลก
     ความมุ่งหมายของการสงเคราะห์ญาติ อยู่ที่การผูกสามัคคีรวมน้ำใจญาติให้เป็นปึกแผ่น โดยใช้หลัก สังคหวัตถุ ๔ ดังนี้
     ๑.ทาน หมายถึง การเอื้อเฟื้อแบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ ให้ของฝากยามเยี่ยมเยียน ให้ของขวัญยามมงคล ให้ของกินของใช้ยามตรุษยามสารท ตลอดจน ให้ทุนรอนทำมาหากิน โดยควรจะตั้งงบกลางไว้สำหรับสงเคราะห์ญาติโดยเฉพาะ และเมื่อแบ่งปันให้ญาติไปแล้ว ก็ไม่คิดจะทวงคืน แต่ถ้าเขานำมาคืนเอง ก็ควรเก็บสำรองไว้ในงบกลางนี้อีก  สำหรับสงเคราะห์ญาติคนอื่นๆที่เดือดร้อนต่อไป
     ๒.ปิยวาจา พูดจาต่อกันด้วยคำสุภาพอ่อนโยน เรียกสรรพนามตามศักดิ์ เช่น เรียกลุง ป้า น้า อา อันเป็นภาษาของคนรักใคร่เคารพนับถือกัน  ถึงจะโกรธเคืองขัดใจ ก็ไม่แช่งชักหักกระดูก หรือนินทาว่าร้าย
     ๓.อัตถจริยา ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ญาติ คือช่วยเหลือเมื่อมีธุระการงาน เช่น แต่งงาน บวชนาค เจ็บป่วย เป็นความ งานศพ และอื่นๆ อย่างน้อยก็ให้กำลังใจ
     ๔.สมานัตตตา วางตัวกับญาติให้เหมาะสมกับฐานะ ตำแหน่ง เหตุการณ์ สิ่งแวดล้อม เคารพญาติผู้ใหญ่ เอ็นดูญาติผู้น้อย เสมอต้นเสมอปลาย ร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน

วิธีสงเคราะห์ญาติทางธรรม
คือ ชักชวนญาติให้รู้จักประกอบการบุญการกุศล ชักนำให้ได้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ตั้งอยู่ในศรัทธา สอนธรรมะให้ชักนำให้บวช ชักนำให้ปฏิบัติธรรม

ข้อเตือนใจ
     การสงเคราะห์ญาติเป็นความดี เป็นมงคลแก่ผู้ทำ แต่ทั้งนี้ต้องทำตามวิถีทางที่ถูกต้อง คือต้องไม่เอาการช่วยเหลือญาติพี่น้องมาทำให้เสียความเป็นธรรมในหน้าที่ของตน
     ทางฝ่ายญาติพี่น้องซึ่งเป็นผู้ขอรับความช่วยเหลือ ยิ่งต้องคิดให้มาก ถ้ารักกันจริงแล้ว ไม่สมควรที่จะไปขอร้องญาติพี่น้องที่มีอำนาจหน้าที่ให้เขาทำผิด ให้ช่วยเหลือเราในทางที่ไม่เป็นธรรม อย่าขอร้องหรือแม้แต่จะทำให้เขาต้องกังวลใจ ที่จะมาทำความผิดเพื่อผลประโยชน์ของเรา การขอร้องญาตินั้นไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม และไม่เสียมารยาทแต่อย่างใด ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า อย่าขอให้เขาทำผิดเพื่อเราก็แล้วกัน
     จะเห็นได้ว่ามงคลที่ ๑๑, ๑๒, ๑๓  เป็นการสงเคราะห์บิดามารดา  บุตร ภรรยา  แต่การสงเคราะห์ญาติแทนที่จะอยู่ต่อมาเป็นมงคลที่ ๑๔ กลับเป็นมงคลที่ ๑๗  โดยต้องฝึกทำงานเป็นในมงคลที่ ๑๔  บำเพ็ญทานในมงคลที่ ๑๕ และประพฤติธรรมมีความเที่ยงตรงไม่ลำเอียงในมงคลที่ ๑๖ ก่อน  จึงจะสงเคราะห์ญาติ  ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเล่นพรรคเล่นพวกให้เสียธรรม

อานิสงส์การสงเคราะห์ญาติ
๑.เป็นฐานป้องกันภัย ศัตรูหมู่พาลทำอันตรายได้ยาก
๒.เป็นฐานอำนาจ ให้ขยายกิจการงานได้ใหญ่โตขึ้น
๓.เป็นบุญกุศล
๔.เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน
๕.ทำให้สนิทสนมคุ้นเคยกัน
๖.ทำให้เกิดความสามัคคีกัน
๗.ทำให้เกิดความจงรักภักดีต่อกัน
๘.ทำให้ตะกุลใหญ่โต มั่นคง
๙.ทำให้มีญาติมากทุกภพทุกชาติ
๑๐.เป็นแบบอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลัง
๑๑.เป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เกิดขึ้น
๑๒.เป็นเหตุให้เกิดสันติสุขไปทั่วโลก
                                                                  
     “ตระกูลใดที่หมู่ญาติได้ร่วมกันสร้างสรรค์จรรโลงวงศ์วาน ให้เป็นปึกแผ่นแน่นหนา จะเป็นที่เกรงขามแก่บุคคลทั้งหลาย แม้ผู้มุ่งร้ายก็ไม่กล้ามาเบียดเบียน ประดุจความหนาทึบแห่งกอไผ่ที่มีหนามแวดล้อมอยู่รอบข้าง ย่อมไม่มีใครเข้าไปตัดได้ง่ายๆ หรือเหมือนดังกอบัวที่เจริญงอกงามอยู่ในสระ ย่อมเป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ผู้พบเห็น”
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

๑๐๘ มงคลธรรม คำสอนพระสงฆ์

๙๑.คำสอนหลวงปู่บุญจันทร์ กมโล วัดป่าสันติกาวาส จ.อุดรธานี ความเจ็บไม่มีอยู่ที่ใจของเรา  ใจของเราไม่ใช่ความเจ็บ ความเจ็บไม่ใช่ใจของเรานะ  ใจข...